5 วิธีเลือกซื้อเต็นท์ขายของให้ใช้งานได้จริง
เต็นท์ขายของ เครื่องมือทำมาหากิน อาวุธสำคัญ ที่พ่อค้าแม่ค้าส่วนใหญ่จะต้องพกไป เวลาขายของตามตลาดนัด เพราะส่วนใหญ่แล้วจะมีการจัดบริเวณขายของให้อยู่ในพื้นที่การแจ้ง จึงทำให้เต็นท์ขายของ มีความสำคัญมากๆ นอกจากไว้สำหรับขายของแล้ว เต็นท์ขายของ ก็ยังเป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับบังฝน บังแดด ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ซึ่งวันนี้จะมา วิธีเลือกซื้อเต็นท์ สำหรับพ่อค้าแม่ค้าทั้งหลาย เลือกอย่างไรให้เหมาะสม และสามารถใช้งานได้จริงอย่างยาวนาน ตามไปส่องกันได้เลย
1. เลือกประเภทเต็นท์ให้ตอบโจทย์การใช้งาน
- เต็นท์พับ: สะดวกสบายต่อการติดตั้ง และการขนย้าย ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้คนเยอะ อุปกรณ์ต่างๆ จะติดมากับเต็นท์แล้ว เพียงแค่ท่านกางออกมาก็สามารถที่จะใช้งานได้เลยทันที เหมาะอย่างยิ่ง สำหรับแม่ค้าพ่อค้าทั้งหลาย
- เต็นท์ประกอบ: เต็นท์ขายของ ที่จะต้องมีการนำเอาชิ้นส่วนมาประกอบกัน ไม่ว่าจะเป็น โครงเหล็ก เสา ผ้าใบที่เป็นตัวช่วยป้องกันแสงแดด ป้องกันฝนได้อย่างมีประสิทธิภาพ สีสันสดใสสวยงามช่วยดึงดูดลูกค้าได้ดี ใช้ระยะเวลาสำหรับการประกอบนานกว่าเต็นท์พับ หากแม่ค้าคนไหนที่มีพื้นที่ขายของที่ประจำ ไม่ต้องเคลื่อนย้ายบ่อย เต็นท์ประกอบตอบโจทย์สุด ๆ
2. เลือกขนาดเต็นท์ให้เหมาะกับพื้นที่
วิธีเลือกซื้อเต็นท์ เลือกเต็นท์ขนาดที่เหมาะสมกับพื้นที่ ส่วนใหญ่เต็นท์มักจะเต็นท์ทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส เนื่องจากเป็นเต็นท์ที่มีขนาดเล็ก ขนย้ายได้ง่าย ๆ หากเกิดลมแรง มีพายุฝนตก ก็สามารถเก็บของขนเต็นท์ย้ายได้เองสบาย ๆ ถ้าหากพื้นที่ขายของไม่ได้มีกำหนดขนาดของเต็นท์ แนะนำให้เลือกเต็นท์ขายของที่มีขนาดเบสิก 1.5x1.5 , 2x2 เมตรเป็นต้นไป ซึ่งเป็นขนาดที่พอดีไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป และที่สำคัญไม่มีเสากลางเกะกะอีกด้วย แต่ถ้าหากแม่ค้าพ่อค้าคนไหนต้องการเต็นท์ขายของเรียงกันเยอะ ๆ แนะนำให้เลือกเป็นเต็นท์ที่มีขนาดสี่เหลี่ยมผืนผ้า 2x3 , 2x4 เนื่องจากสามารถที่จะทำให้เรียงโชว์สินค้าได้อย่างหลากหลายมากยิ่งขึ้น
3. เลือกความหนาของผ้าใบที่ทนแดด ทนฝน ได้จริง
การเลือกเต็นท์ขายของควรเลือกจากความหนาของผ้าใบที่ทนทาน ทนแดด ทนฝนได้จริง ซึ่งคุณภาพของผ้าใบเป็นส่วนประกอบที่สำคัญมากที่สุด เต็นท์ผ้าใบแต่ละประเภทจะมีลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้
- ผ้าใบ 600 D : จะมี 2 ด้าน ซึ่งลักษณะจะไม่เหมือนกัน ซึ่งด้านหนึ่งจะเป็นยางเคลือบ ส่วนอีกด้านหนึ่งจะเป็นผ้า สามารถกันน้ำได้ดี ใช้งานได้ยาวนานมากกว่า 3 ปีขึ้นไป
- ผ้าใบคูนิล่อน : ลักษณะผ้าใบจะเป็นแบบเคลือบพีวีซี เสริมไปด้วยไนล่อน คุณสมบัติกันฝน กันแดด กันน้ำ ได้ดีเยี่ยม
- ผ้าใบ 420 D Nylon : ลักษณะจะเป็นผ้าใบใยสังเคราะห์ ชนิดไนล่อน สามารถใช้กับเต็นท์ที่มีขนาดเล็ก หรือเต็นท์พับได้ ใช้งานได้ยาวนานประมาณ 1-2 ปี
4. เลือกเต็นท์ที่โครงสร้างวัสดุทำจากเหล็กอลูมิเนียม
การเลือกโครงสร้างของเต็นท์ที่มีวัสดุทำมาจากเหล็กอลูมิเนียม มีความจำเป็นมากๆ นอกจากจะเป็นตัวช่วยทำให้เต็นท์ขายของมีความแข็งแรง ทนแดด ทนฝนได้ดี ซึ่งเต็นท์ที่มีโครงสร้างวัสดุทำจากเหล็กอลูมิเนียม ที่ขายทั่วไปตามท้องตลาด ก็จะมีด้วยกันหลากหลายประเภท แต่เราจะมานำเสนอ 3 แบบที่ได้รับความนิยมมากที่สุด
-
เหล็ก Pipe กล่องเหลี่ยม : มักจะมีการนำเอาไปใช้เป็นโครงร่ม รวมไปถึงโครงของเต็นท์พับ มีราคาถูก แต่ใช้งานได้ไม่นาน
-
เหล็กท่อดำ : มักจะนำมาเพื่อใช้เป็นโครงสร้างของเต็นท์ขายของ ซึ่งลักษณะจะเป็นท่อกลม หนา ไม่มีเกรียว แข็งแรง ราคาไม่สูงจนเกินไป
-
เหล็กท่อแป๊ปประปา : รูปแบบนี้หลายคนก็คงจะรู้จักกันเป็นอย่างดี ซึ่งจะมีการนำเอาเหล็กแป๊บท่อดำ มาชุบกับซิงค์ เพื่อที่จะป้องกันการเกิดสนิม
5. เลือกซื้อเต็นท์ที่สีสันสดใส น่าดึงดูด
สำหรับ วิธีเลือกซื้อเต็นท์ เลือกสีของเต็นท์ ควรเลือกเต็นท์ที่มีสีสันสดใส น่าดึงดูด ซึ่งเรียกได้ว่าสีของพื้นเป็นหน้าตาของร้านเลยก็ว่าได้ และที่สำคัญควรเลือกให้เหมาะสมกับสินค้าที่จำหน่าย
จบกันไปแล้วสำหรับ 5 วิธีเลือกซื้อเต็นท์ สามารถนำเอาวิธีเลือกเต็นท์ต่าง ๆ ไปปรับใช้ เพื่อที่จะหาเต็นท์ขายของที่เหมาะสมกับพื้นที่ขายของได้เลย เต็นท์นอกจากจะเป็นอุปกรณ์ที่สามารถนำเอาไว้ใช้ประกอบอาชีพสำหรับพ่อค้าแม่ค้าทั้งหลายแล้ว ก็เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ทำให้ร้านมีสีสัน ดูดี สวยงาม แถมช่วยดึงดูดลูกค้าเข้ามาซื้อของได้อีกด้วย และหากใครกำลังมองหา เต็นท์ขายของ คุณภาพดี ใช้งานได้ยาวนาน ต้อง LUCKY FRIEND เรามุ่งเน้นใส่ใจคุณภาพ แข็งแรง ทนทาน สีสันสดใส ไม่ผิดหวังแน่นอน
Leave a comment